แท็กซี่นั้นมีกฎระเบียบมากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสี เรื่องของสภาพรถ เรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ ที่กฎการขนส่งทางบกบังคับ เรื่องของผู้ที่สามารถขับรถแท็กซี่ได้ รวมทั้งอัตราค่าบริการและขอบเขตของการเก็บค่าบริการหรือค่าโดยสาร เป็นต้นก่อนอื่นผมจะขอยกทีละเรื่องมาอธิบายเพื่อสะดวกแก่ผู้ท่องเว็บและเพื่อที่จะได้เข้าใจง่ายไม่ซ้ำซ้อน โดยจะเริ่มที่สีของรถก่อน บางท่านอาจะเคยเห็นรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านไปมา มีมากมายหลายสีเหลือเกินแต่อาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของสีตัวรถแท็กซี่ในปัจจุบันนี้แท็กซี่มีมากมายหลายสี ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่สีเดียว เช่น สีฟ้า สีแดง สีชมพู สีเหลือง สีส้ม และสีอื่นๆ หรือจะเป็นแท็กซี่ ทีมีสองสี เช่น สีเขียว/เหลือง สีฟ้า/แดง และสีอื่นๆอีกมากมายเช่นกัน จนแทบจำกันไม่ได้ว่าแต่ละสีของรถแท็กซี่มันหมายถึงอะไร แต่สามารถจำแนกออกได้เป็นประเภทไม่ยากนัก
1. ประเภทรถสีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเป็นสีของรถแท็กซี่นั่นหมายถึงแท็กซี่คันนั้นเป็นรถของสหกรณ์หรือรถของบริษัท หรือผู้ที่ต้องการเข้าร่วมวิ่งกับบริษัทหรือสหกรณ์นั้ๆ ซึ่งตามกฎการขนส่งทางบกระบุว่า "ผู้ใดที่ต้องการมีรถแท็กซี่มากกว่าหนึ่งคันต้องจดทะเบียนในรูปของบริษัทหรือในรูปของสหกรณ์และให้กำหนดสีของบริษัทหรือสหกรณ์นั้นๆ มายื่นต่อกรมขนส่งทางบกโดยแต่ละบริษัทหรือสหกรณ์นั้ห้ามใช้สีของตัวรถซ้ำกัน" สรุปได้ว่า ถ้าเห็นรถแท็กซี่สีเดียวเมื่อไรขอให้รู้ทันที่ว่าเป็นรถแท็กซี่ของบริษัทหรือสหกรณ์แล้วแต่กรณี เช่น สีฟ้า เป็นรถของบริษ์ไทยเอส ลีสซิ่ง สีชมพูเป็นรถของสหกรณ์สหมิตร สีน้ำตามเป็นรถของสหกรณ์ปทุมวัน สีเขียวเป็นรถของสหกรณ์บวรณ์ เป็นต้น
2. ประเภทสองสี จะแบ่งออกได้สองชนิดด้วยกันคือ สีฟ้า/แดง และสีเขียว/เหลือง
สีฟ้า/แดงแท็กซี่สีฟ้า/แดง นั้นยังหมายถึงรถแท็กซี่ของบริษัทหรือสหกรณ์หรือผู้ที่ต้องการเข้าร่วมอยู่แต่เป็นรุ่นเก่าจึงไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นของบริษัทหรือสหกรณ์อะไร แต่ในปัจจุบันเริ่มจะตกยุคไปแล้วหรือน้อยคันมากเพราะถ้าต้องทำสีใหม่เขาจะนิยมทำเป็นสีเดียว จุดสังเกตให้ดูที่ข้างรถว่าเขาพ่นด้วยสีขาวว่าบริษัทหรือสหกรณ์อะไร
สีเขียว/เหลืองรถแท็กซี่ที่สีเขียว/เหลืองนั้นเป็นรถแท็กซี่บุคคลโดยสีเขียว/เหลืองนั้นเป็นสีของกรมขนส่งที่จดทะเบียนไว้ให้ประชาชนทั่วไปที่อยากมีแท็กซี่เป็นของตัวเองได้ใช้โดยไม่ต้องไปขอร่วมกับสหกรณ์โดยกรมขนส่งกำหนดว่า "หนึ่งคนสามารถมีรถแท็กซี่บุคคลได้เพียงคันเดียวเท่านั้น" โดยจะมีเงื่อนไขและกฎหมายบังคับไว้ซึ่งจะนำมากล่าวถึงในหัวข้อ "แท็กซี่มือไหม่"
สภาพรถแท็กซี่ ถ้าจะพูดถึงสภาพของรถแท็กซี่แล้วแทบไม่ต้องอธิบายหลายคนอาจจะเคยนั่งทั่งแท็กซี่เก่าและแท็กซี่ใหม่มามากมาย หรือบางคนเห็นรถแท็กซี่เก่าก็ไม่อยากเรียกจอดด้วยซ้ำไป รอนั่งคันไหม่ๆ สีสวยๆ ดีกว่า ดูดีกว่าเยอะแยะ หรือบางคนอาจสงสัยไปมากกว่านั้นว่าทำไมยังมีแท็กซี่เก่าๆ คนขับแก่ๆ วิ่งอยู่บนท้องถนน ทำไมไม่มีแท็กซี่ที่เป็นรุ่นใหม่ๆ สีสวยๆ วิ่งอย่างเดียวงั้นมาลองจินตนาการตามผมดูน่ะ ในอดีต การที่จะมีแท็กซี่ได้สักคันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้มีรายได้น้อยเพราะการที่จะซื้อแท็กซี่ได้นั้นต้องใช้เงินจำนวนมากกว่าซื้อรถบ้านเสียอีก การที่จะมีแท็กซี่ได้นั้นต้องซื้อรถใหม่ป้ายแดงมาพ่นสีและติดตั้งอุปกรณ์ตามที่ขนส่งกำหนดอีกมากมายซึ่งรวมแล้วจะใช้เงินมากกว่ารถบ้านปกติอีกประมาณ 80,000 บาท และเมื่อได้มาเป็นรถแท็กซี่มาแล้วเจ้าของรถแท็กซี่ก็ต้องรีบวิ่งรถเพื่อทำรายได้คืนมาให้มากที่สุดจนบางครั้งรถมีอุบัติเหติแทบจะไม่มีเวลาจอดซ่อมกันเพราะถ้าจอดก็หมายความว่าเสียรายได้ไปทันที ถ้ารถคันไหนขับไม่เกิดอุบัติเหตเจ้าของก็รวยไป แต่ถ้าคันไหนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็แย่หน่อย
ในปัจจุบันจึงมีบริษัทไฟแน้นเข้ามารับจัดไฟแน้นรถแท็กซี่กันมากมายถ้าเปลียบเทียบกับเมื่อก่อนซึ่งไม่มีเลย จึงทำให้คนที่อยากเป็นเจ้าของรถแท็กซี่ง่ายขึ้น ใช้เงินก็น้อย ดาวน์ก็ต่ำ ดอกเบี้ยก็ถูก ทำให้เจ้าของรถไม่กดดันมากนัก อีกทั้งยังมีเต้นต่างๆ เปิดบริการ เพื่อ รับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถแท็กซี่มือสองกันมาก เพราะว่าลงทุนน้อยกว่ารถป้ายแดงมาก เงื่อนไขก็น้อยกว่า มีบริการหลังการขายไว้รองรับเมื่อเจ้าของรถมีปัญหาในการซ่อมแซม ฉะนั้นในอดีต เนื่องจากการได้มาของแท็กซี่ต้องลงทุนมากจึงทำให้เจ้าของรถขับจนลืมดูแลรักษา และกฎหมายเก่ายังให้เวลาแท็กซี่วิ่งได้ 12 ปี รถจึงโทรมมาก จนในปัจจุบันได้มีการแก้ไขกฎหมายกันใหม่ให้เหลืออายุการใช้งานเพียง 9 ปี หวังว่าคงจะเหลือแต่รถใหม่ๆ วิ่งตามท้องถนน